1. ทีม Robomind-Gingivitis detection จาก ROBOMIND LEARNING CENTER จังหวัดเชียงใหม่
กับนวัตกรรม Gingivitis detection
นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ช่วยประเมินโอกาสการเป็นโรคเหงือกอักเสบ ก่อนพบทันตแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคปริทันต์ได้ตั้งแต่วัยเด็ก โดยใช้ภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือรุ่นทั่วไปผ่าน application line ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแชทและสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งมีผู้ใช้งานมากกว่า 60 ล้านคน เพื่อให้สามารถเข้าถึงการใช้งานได้จากทุกที่ทุกเวลา
นวัตกรรมนี้ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาในรูปแบบใด
• การตรวจสอบง่าย ๆ ที่บ้าน: Gingivitis Detection ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสุขภาพเหงือกของตนเองได้โดยการถ่ายภาพช่องปากและส่งผ่าน LINE Chat Bot ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องเดินทางไปคลินิกทันตกรรม
• การใช้ AI ในการวิเคราะห์ภาพ: ด้วยการใช้เทคโนโลยี Image Detection และโมเดล ResNet50, Gingivitis Detection สามารถวิเคราะห์ภาพเหงือกและประเมินความเสี่ยงของโรคเหงือกอักเสบได้อย่างแม่นยำ นำเสนอผลลัพธ์เป็นเปอร์เซ็นต์ภายใน 3 นาที
• ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: การใช้ Gingivitis Detectionลดความจำเป็นในการเดินทางไปพบแพทย์เพื่อการตรวจสอบเบื้องต้น ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ใช้ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทันตกรรมได้ง่าย
• การใช้งานผ่านแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยม: Gingivitis Detection ใช้ LINE ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแชทที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศไทย ทำให้การเข้าถึงบริการตรวจสอบสุขภาพเหงือกเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
• การตรวจพบและป้องกันโรค: การตรวจสอบเบื้องต้นที่รวดเร็วช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับรู้และจัดการกับปัญหาเหงือกอักเสบก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรงยิ่งขึ้น เช่น โรคปริทันต์
• การปรับปรุงและพัฒนาโมเดล: Gingivitis Detection มีการทดสอบและปรับปรุงโมเดล AI อย่างต่อเนื่อง โดยการรวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นจากทันตแพทย์และนักศึกษาแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและเชื่อถือได้
• การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเหงือก: Gingivitis Detection กำลังพัฒนาเป็นผู้ช่วยแพทย์ที่สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเหงือกและพิจารณาว่าควรพบแพทย์ทันทีหรือไม่ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลและการแนะนำที่มีประโยชน์
นวัตกรรมนี้ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาด้วยการทำให้การตรวจสอบสุขภาพเหงือกเป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว และเข้าถึงได้สำหรับทุกคน โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการวิเคราะห์และประเมินผล
สามารถรับชม VDO การแข่งขันได้ที่ ลิงก์ : https://bit.ly/48HWzpB
2. ทีม RbME - Sodium Consume จากโรงเรียนสาธิตนานาชาติทวิภาษาแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต เชียงใหม่ กับนวัตกรรม Sodium Consume – อุปกรณ์ควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหารเพื่อสุขภาพ
นวัตกรรม " Sodium Consume " ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาการบริโภคโซเดียมที่่เกินปริมาณ โดยการให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจวัดความเค็มในอาหารได้อย่างง่ายดาย มีราคาถูก เชื่อมต่อตัวเครื่องกับ Website (sodiumload.online) ในการติดตามและจัดเก็บข้อมูลการบริโภคโซเดียมในแต่ละวันผ่าน Cloud Computing นอกจากนี้ยังช่วยผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วยโรค NCDs และโรคไต ในการควบคุมปริมาณโซเดียมที่บริโภค ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคโซเดียมเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นวัตกรรมนี้ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาในรูปแบบใด
1. การบริโภคโซเดียมเกินปริมาณที่แนะนำ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจวัดความเค็มในอาหารก่อนทาน ทำให้สามารถควบคุมการบริโภคโซเดียมในแต่ละวันได้ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคโซเดียมเกิน
2. อุปกรณ์วัดความเค็มที่มีราคาสูง Sodium Consume ถูกออกแบบให้มีราคาถูกเพียง 900 บาท ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอุปกรณ์วัดความเค็มได้ง่ายขึ้น
3. การบริโภคโซเดียมในแต่ละวัน ใช้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ในการส่งข้อมูลไปยังแอปพลิเคชันบนมือถือ ทำให้สามารถติดตามการบริโภคโซเดียมในแต่ละมื้อและแต่ละวันได้แบบเรียลไทม์ และสามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้
4. วิเคราะห์ข้อมูลการบริโภคโซเดียม มีระบบฐานข้อมูลจัดเก็บ (Data Base) ที่รวบรวมปริมาณโซเดียมที่บริโภคในแต่ละวัน และระบบจะรวมค่าโซเดียมให้เองอัตโนมัติ ทำให้สามารถวิเคราะห์และดูผลการบริโภคโซเดียมได้ง่ายขึ้น
5. สุขภาพของผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วยโรค NCDs ถูกออกแบบเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วยโรค NCDs ในการควบคุมปริมาณโซเดียมที่บริโภค ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภาวะไตเสื่อมและไตวาย
สามารถรับชม VDO การแข่งขันได้ที่ ลิงก์ : https://bit.ly/3Aqkai1
3. ทีม GGroup จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จังหวัดกรุงเทพมหานคร กับนวัตกรรม GSteps
GSteps ช่วยเสริมสร้างสุขภาพคนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง และจะทำให้การออกกำลังกายรูปแบบเดิมๆอันแสนน่าเบื่อ กลายเป็นเรื่องที่สนุกและท้าทาย เป็นการกระตุ้นให้ผู้คนหันมาใส่ใจบุคลิกภาพและดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้นอีกด้วยครับ เราขอทิ้งท้ายไว้กับสโลแกนของเรา GSteps "Better steps better world"
นวัตกรรมนี้ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาในรูปแบบใด
1.) ปัญหาทางด้านไม่มีแรงจูงใจ
นวัตกรรมของเราจะสร้างแรงจูงใจให้ผู้คนหันมาออกกำลังกายได้อย่างสนุกสนานและไม่น่าเบื่อ ผ่านระบบฟังก์ชันและฟีเจอร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบการดูสถานะการนับก้าวเดิน ข้อมูลการเผาผลาญแคลลอรี่ ในแต่ละวัน สัปดาห์และเดือนเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามข้อมูลและดูสถิติการเดินของตนเองผ่านแอพลิเคชันได้ อีกทั้งยังมีเกมหรือกิจกรรมสนุก ๆ ที่เราผู้พัฒนาในสร้างสรรค์ร่วมกับเซ็นเซอร์วัดความเร่ง ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถออกกำลังกายได้อย่างสนุกสนานผ่านการออกกำลังกายหรือท่าทางต่าง ๆ ในทำให้การออกกำลังกายไม่น่าเบื่อและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิ์ภาพอีกทั้งยังสามารถนำผลลัพธ์ที่ได้จากการออกกำลังกายมาสะสมแต้มคะแนนมาแลกเป็นรางวัลต่างๆไม่ว่าจะเป็นในเกมหรือเป็นรูปธรรมเช่นการปลดล็อกแพทเทิร์นสีไฟที่หลากหลายที่ติดตั้งไว้ที่ส้นเท้าทำให้ผู้ใช้มีจุดมุ่งหมายในการออกกำลังกายและสนุกกับการออกกำลังกายมากขึ้น
2.) สถานที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการออกกำลังกาย
GSteps เป็นรองเท้าที่มีนวัตกรรมอยู่ภายในซึ่งทำงานร่วมกับแอพลิเคชันซึ่งสามารถใช้งานในออฟฟิศ ที่พักอาศัย สวนสาธารณะ ฯลฯ สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาเพียง
3.) หมดปัญหาการพกอุปกรณ์ดูแลสุขภาพที่เกินความจำเป็น
เราอาจจะเห็นได้ว่าคนที่สนใจสุขภาพ มักจะมีแกตเจ็ทสำหรับการดูแลสุขภาพเยอะแยะมากมาย เช่น นาฬิกาสมาร์ทว็อช แหวนอัจริยะ ที่สามารถตรวจวัดสถานะสุขภาพได้ หรือเครื่องเล่มเกมสำหรับการออกกำลังกาย แต่แค่เพียงมี GSteps ก็สามารถใช้งานได้ครอบคลุมสำหรับการดูแลสุขภาพของเราได้แล้ว
สามารถรับชม VDO การแข่งขันได้ที่ ลิงก์ : https://bit.ly/3YwpXdQ
Comments